ตื่นนอนมาก็พบกับความรู้สึกว่า เอ้า ตื่นแล้วหรอ นาฬิกายังไม่ปลุกเลย 😂 ถ้าเป็นเมื่อก่อนยังไงก็ตื่นหลังนาฬิกาปลุกแน่ๆ เงยหน้ามาอีกทีก็ค้นพบว่านี่เราเลยอายุ 30 มาสักพักแล้วนี่หว่า

ที่น่าตกใจอีกอย่างคือเริ่มมีผมหงอกจากตรงกลาง พอลองคุยกับเพื่อนปรากฏว่าไม่เห็นมีใครเค้าหงอกกัน แต่นึกขึ้นได้ว่าพ่อเราผมหงอกไวมากๆ สงสัยได้ dna มาเต็มๆ แค่คิดก็ท้อแท้ละ…เห้อ แต่ก็ยอมรับได้แหละ เราเปลี่ยน dna ตัวเองไม่ได้ ถ้าหงอกมากๆ วันหน้า ยาย้อมก็มีขายทั่วไป แสดงว่าคนอื่นเค้าก็ผมหงอกกัน แค่เราอาจจะเร็วไปสักนิด

ถึงแม้ว่าอายุจะเข้าเลข 3 แล้วแต่ความชอบกินยังมีอยู่ล้นเหลือ ทุกอาทิตย์จะต้องไปกินบุฟเฟต์กับเพื่อนสักมื้อ กินเสร็จต่างคนต่างมองหน้ากันแบบ เอ่อ อิ่ม แน่นนนน ไปหมดด สงสัยต้องเลิกกินบุฟเฟต์แล้วมั้ง แต่สุดท้ายก็กลับมากินอยู่ดี ยาช่วยย่อยก็ต้องพกติดตัวไว้แล้วสินะ

หลังจากตื่นนอนถ้าวันนั้นปวดหลังละก็อีกหลายวันเลยกว่าจะหาย ทั้งที่เมื่อก่อนแทบไม่ปวด กินพาราช่วยไปก็ดีขึ้นมานิดนึง แต่ก็ดีกว่าไม่กินละกัน

รู้สึกกังวลกับการเดินทางมากขึ้น มองรถ มองถนนแล้วรู้สึกว่าอันตราย เห็นมอเตอร์ไซค์ขับผ่านไปเร็วๆ แล้วรู้สึกเสียวว้าบบแทน ไม่ค่อยอยากขับรถไปไหนไกลๆ ดึกๆ ยิ่งไม่อยากออก ได้แต่ถามตัวเอง นี่เราเหมือนคนแก่รึป่าวนะ อายุ 30 กว่าๆ ก็ไม่ได้เยอะมากเท่าไรมั้ง แต่วิธีมองชีวิตเราเปลี่ยนไปมาก ระวังมากขึ้น กลัวมากขึ้น เริ่มเข้าใจเลยว่าทำไมเค้าถึงบอกว่าช่วงวัยรุ่นเป็นช่วงที่ควรใช้ชีวิต เพราะในหัวก็โล่ง ยังไม่ค่อยกังวลเรื่องอะไรต่างๆ นานาๆ ร่างกายก็เอื้ออำนวยสุดๆ

แต่ถามว่ามีความสุขไหมก็ต้องบอกว่ามีมากๆ ทุกครั้งที่ได้กินของอร่อยก็อารมณ์ดีละ ขาดก็แต่ความรู้สึกที่แบบภูมิใจในตัวเองมันยังไม่ค่อยมาเท่าไร เพราะคาดหวังกับชีวิตไว้ว่าอยากให้ดีขึ้น อยู่ได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องทำงานประจำ แต่พอยังแบบใช้ชีวิตธรรมดาๆ ไม่ได้ก้าวหน้าอะไรก็อดท้อไม่ได้ แต่ก็รู้สึกแฮปปี้ที่ทุกวันนี้ถึงยังไม่ได้ก้าวหน้าแต่ก็ได้ทำในสิ่งที่ชอบ “เพราะอย่างน้อยจะได้ไม่มาเสียใจทีหลังถ้าเลือกที่จะไม่ทำ”👍